ขั้นตอนการใช้งาน

1) ลง Gitlab runner ในเครื่องที่เราต้องการให้มันทำงานด้วย

• download ตัวโปรแกรมมาก่อน โดยที่ ${arch} ให้แทนที่ด้วย
  • amd64, arm หรือ arm64

curl -LJO "https://gitlab-runner-downloads.s3.amazonaws.com/latest/deb/gitlab-runner_${arch}.deb"

• ลงโปรแกรม

dpkg -i gitlab-runner_${arch}.deb

• เพิ่มสิทธิ์ให้กับโปรแกรม gitlab-runner

sudo chmod +x /usr/local/bin/gitlab-runner

• สั่งให้ gitlab-runner ทำงานบน user gitlab-runner และเก็บ build cache ไว้ที่ /home/gitlab-runner

sudo gitlab-runner install --user=gitlab-runner --working-directory=/home/gitlab-runner
sudo gitlab-runner start

2) ทำการผูก repository เข้ากับโปรแกรม gitlab-runner

• ไปเอาข้อมูล token ของ repository มาจากเว็บโดยเข้าที่เมนูด้านข้างของ repository บนเว็บที่ชื่อว่า Settings > CI / CD

ถ้าใครไม่เห็นเมนู Settings อาจจะเกี่ยวข้องกับ User ของท่านมีสิทธิ์เข้าไม่ถึง

• เข้าไปเมนู Runners เพื่อคัดลอก Token มา
• กลับมาในโปรแกรม gitlab-runner เพื่อทำการ register และใส่ข้อมูลตาม

ควรสั่งคำสั่งด้วย sudo เพื่อให้ gitlab-runner เราทำงานใน user ของ gitlab-runner เอง

sudo gitlab-runner register

3) เขียนไฟล์ .gitlab-ci.yml

# ขั้นตอนในการสั่งงาน
stages:
  - dev-build
  - dev-run

# ก่อนการทำงานในขั้นตอน dev-build และ dev-run
before_script:
  - echo hello world
  - $(pwd)

dev-build:
  # stage ในการทำงาน
  stage: dev-build
  # enviroment ในการทำงานซึ่งมีผลกับการใช้งานตัวแปรใน Settings > CI / CD > Variables
  environment:
    name: dev
  # tag หรือ branch ที่อยากให้ทำงานขั้นตอน dev-build
  only:
    - dev
  # ต้องใส่ให้ตรงและครบถ้วนกับตอนที่เรา register ด้วย token
  tags:
    - dev
  before_script:
    - echo this is before script
  after_script:
    - this is after script
  script:
    - ./myshell.sh $CI_PROJECT_DIR $GITLAB_USER_EMAIL $MY_FIRST_KEY
    - echo ending

dev-run:
  stage: dev-run
  environment:
    name: staging
  only:
    - dev
  tags:
    - dev
  before_script:
    - echo this is before script
  after_script:
    - this is after script
  script:
    - ./myshell.sh $CI_COMMIT_TAG $MY_FIRST_KEY $MY_PEM
    - cat $MY_PEM
    - echo ending

4) หลังจากนั้นเราสามารถลอง push project เราขึ้นไปใน branch dev เพื่อทดลองการทำงานไฟล์ .gitlab-ci.yml ของเรา

ผลลัพท์จากการทำงานใน pipeline

ผลลัพท์จากขั้น dev-build

(highlight สีแดง)
variable ชื่อ $MY_FIRST_KEY แต่เป็นของ environment dev

ผลลัพท์จากขั้น dev-run

(highlight สีแดง)
variable ชื่อ $MY_FIRST_KEY แต่เป็นของ environment staging

(highlight สีเหลือง)
จะเห็นว่าหากใช้งาน variable แบบไฟล์ มันจะเก็บตัวแปรไว้ในไฟล์ และพอเรียกใช้สิ่งที่ได้คือ path ชั่วคราว (เมื่อ stage นี้ทำงานเสร็จแล้วมันก็จะหายไป)

จะเห็นว่า MY_FIRST_KEY มี 2 ค่า คนละ environment